หลายคนอาจเคยได้ยินการพูดถึงประเด็นที่ธนาคารปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากลงจากความคุ้มครอง 5 ล้านบาท เหลือ 1 ล้านบาทกันบ้างแล้ว ทั้งจากข่าวสารต่างๆ หรือเพื่อน คนรู้จักต่างพูดถึงเรื่องนี้กันมาบ้าง อาจจะเกิดความสงสัยว่าการปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากลงคืออะไร และเกี่ยวข้องอย่างไรกับเราบ้าง วันนี้เราเลยจะมาพูดคุยเรื่องนี้กันให้เพื่อนๆ ได้ทราบกัน
วงเงินคุ้มครองเงินฝาก คืออะไร
การคุ้มครองเงินฝาก เกิดจากนโยบายของรัฐบาลที่ออกมาเป็นกฎหมายเรียกว่า “ กฎหมายคุ้มครองเงินฝาก” โดยมีสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นผู้ดูแล ด้วยจุดมุ่งหมายคือต้องการสร้างหลักประกันความมั่นคง และความเชื่อมั่นให้กับประชาชนที่นำเงินบาทมาฝากกับสถาบันการเงินต่างๆ ในประเทศ ที่อยู่ภายใต้การรับรองเพื่อคุ้มครองประชาชนผู้บริโภค ว่าจะได้รับเงินที่ฝากคืนภายในเวลาที่กำหนด จากสถาบันคุ้มครองเงินฝากหากธนาคารปิดกิจการหรือล้มละลายโดยไม่ต้องรอให้ธนาคารชำระบัญชีเสร็จสิ้น ซึ่งจะคุ้มครองเงินฝาก 5 ประเภทได้แก่ เงินฝากออมทรัพย์ ,เงินฝากกระแสรายวัน , เงินฝากประจำ, ใบรับฝากเงิน, บัตรเงินฝาก
ทำไมถึงต้องปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝาก
เพื่อนๆ อาจสงสัยเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ ว่าในเมื่อภาครัฐมีมาตรการคุ้มครองเงินฝากย่อมเป็นผลดีกับประชาชน แล้วทำไมต้องมีการปรับลดวงเงินความคุ้มครองด้วยล่ะ เหตุผลก็คือแต่เดิมในสมัยก่อนการประกันความเสี่ยงในการฝากเงิน อาศัยแต่เพียงระบบคุ้มครองเงินฝากของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก เป็นหลักประกันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ปัจจุบันภาครัฐเล็งเห็นว่าสถาบันการเงินในประเทศเองมีความเข็มแข็งเพียงพอ และมีมาตรการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม นอกจากนี้ยังมีสภาพคล่องสูง ดูได้จากระดับเงินกองทุนต่อสินทรัพย์ (BIS ratio) ของธนาคารไทย อยู่ที่ร้อยละ 20 ซึ่งสูงกว่าหลายประเทศในภูมิภาค อีกทั้งธนาคารไทยเองยังมีสภาพคล่องที่ดี ทำให้ภาครัฐมั่นใจว่าธนาคารสามารถแบกรับความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากลงเพื่อลดภาระงบประมาณของภาครัฐ และนำงบประมาณไปพัฒนาประเทศในด้านอื่นต่อไป
เราต้องทำอย่างไรต่อ
เมื่อเพื่อนๆ เข้าใจถึง วงเงินคุ้มครองเงินฝากและ สาเหตุที่ทางภาครัฐต้องปรับลดวงเงินลงแล้ว คำถามที่ตามมาของทุกคนคือแล้วเราต้องทำอย่างไรต่อล่ะ ซึ่งทางเราขอแนะนำเพื่อนๆ ตรวจสอบบัญชีเงินฝากของเราเอง หรือของคนในครอบครัว ว่ามีบัญชีไหนที่เกิน 1 ล้านบาทหรือไม่ เพื่อวางแผนกระจายความเสี่ยงในข้อต่อไป แต่ตรงนี้แนะนำว่าหากเพื่อนๆ ฝากเงินกับธนาคารของรัฐ ต่อไปนี้
- ธนาคารออมสิน
- ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธอส.
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธกส.
- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
ตรงนี้ไม่ต้องดำเนินการอะไรเพราะ ธนาคารทั้ง 4 แห่งไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝาก เนื่องจากมีรัฐบาลเป็นผู้ประกันเงินฝากให้
แล้วถ้ามียอดเงินฝากเกินละ
หากพบว่ามีบัญชีธนาคารที่มียอดเงินฝากเกิน 1 ล้านบาทแล้วก็แนะนำให้เพื่อนๆ วางแผนกระจายความเสี่ยงให้กับเงินฝากของเราดังนี้
- กระจายเงินฝากของเราไปยังสถาบันการเงินอื่น เพื่อลดความเสี่ยงจากการฝากเงินธนาคารเพียงแห่งเดียว และยังมีโอกาสได้ดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่สูงกว่าที่เดิมอีกด้วย โดยแต่ละธนาคารก็จะมีผลิตภัณฑ์เงินฝากต่างๆ ให้บริการกับลูกค้าซึ่งเพื่อนๆ สามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลในเว็บไซต์ธนาคารที่สนใจ เพื่อพิจารณานำเงินไปฝากได้
- เช่น สมมติมีเงินฝากในธนาคารกรุงเทพอยู่ 2 ล้านบาท ก็กระจายไปเปิดบัญชีไว้ในอีกธนาคารหนึ่งอีก 1 ล้านบาทได้
- แบ่งเงินของเราไปลงทุนต่อในประเภทการลงทุนอื่น โดยการออมเงินในปัจจุบันนั้น ไม่จำเป็นจะต้องเก็บออมในรูปแบบเงินฝากแต่เพียงอย่างเดียว แต่มีอีกหลายวิธีที่จะทำให้เงินของเรางอกเงยมีมูลค่าเพิ่มได้ ซึ่งเราสามารถพิจารณาการนำเงินของเราไปลงทุนต่อในช่องทางต่างๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับความถนัดหรือความเสี่ยงที่รับได้ เช่น การลงทุนในกองทุนรวม การซื้อสลากธกส. ซื้อสลากออมสิน ซื้อทองคำ พันธบัตร หรืออสังหาริมทรัพย์
ธนาคารไหน อยู่ไหนสถาบันคุ้มครองเงินฝากบ้าง
ธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศ (19 แห่ง)
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารแห่งประเทศจีน (ไทย) จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารเอเอ็นแซด (ไทย) จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ (ไทย) จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)
ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ (11 แห่ง)
- ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส
- ธนาคารโอเวอร์ซี-ไชนีส แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด
- ธนาคารซิตี้แบงก์
- ธนาคารอาร์ เอช บี จำกัด
- ธนาคารแห่งอเมริกา เนชั่นแนล แอสโซซิเอชั่น
- ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด
- ธนาคารดอยซ์แบงก์
- ธนาคารมิซูโฮ จำกัด
- ธนาคารบีเอ็นพี พารีบาส์
- ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น
- ธนาคารอินเดียน โอเวอร์ซีส์
บริษัทเงินทุน (2 แห่ง)
- บริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน)
- บริษัทเงินทุน แอ็ดวานซ์ จำกัด (มหาชน)
บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ (3 แห่ง)
- บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ เอสเบ จำกัด
- บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ เวิลด์ จำกัด
- บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ แคปปิตอล ลิ้งค์ จำกัด