ในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่า รถยนต์ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่งของคนวัยทำงาน เพราะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง สร้างความสะดวกสบายให้ครอบครัว หรือเป็นเครื่องแสดงฐานะสร้างความน่าเชื่อถือทั้งการทำงานและธุรกิจ ยิ่งระบบขนส่งมวลชนของประเทศไทยยังไม่ครอบคลุมทั้งประเทศ การเดินทางด้วยรถยนต์ก็ถือเป็นการเดินทางยอดนิยมของคนไทยในปัจจุบัน
ในยุคนี้การออกรถใหม่ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ค่ายรถและศูนย์บริการต่างออกโปรโมชั่น และแคมเปญต่างๆ ช่วยให้เราออกรถได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก แต่เจ้าของรถยนต์มือใหม่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า การออกรถยนต์ใหม่ซักคันจะมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามมาด้วยทั้งค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง ค่าภาษีและที่สำคัญที่สุดคือค่าประกันภัยรถยนต์ ที่จะช่วยคุ้มครองรถยนต์ที่ถือเป็นสินทรัพย์ของเรายามเกิดอุบัติเหตุต้องซ่อมแซม หรือต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนต่างๆ การทำประกันรถยนต์ไว้ย่อมทำให้เจ้าของรถอุ่นใจกว่าหากต้องขับออกไปบนท้องถนน ดังนั้นการที่เราทำความเข้าใจประเภทของประกันภัยรถยนต์จะทำให้เราสามารถเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะสมกับประเภทการใช้งานโดยปัจจุบันประกันภัยรถยนต์ในประเทศไทย มีรายละเอียดดังนี้
ประกันรถยนต์ชั้น 1
ประกันภัยรถยนต์ที่มีขอบเขตความคุ้มครองมากที่สุดของในแต่ละผู้ให้บริการรับประกันภัย คุ้มครองรถยนต์ของเราทุกกรณี จะมีหรือไม่มีคู่กรณีก็ได้ นอกจากนั้นยังคุ้มครองกรณีการโจรกรรม อัคคีภัย / ภัยธรรมชาติด้วย เบี้ยของประกันชั้น 1 จะค่อนข้างสูง โดยภาพรวมมีรายละเอียดดังนี้
ความคุ้มครอง
- ความเสียหายต่อรถยนต์ทั้งมีและไม่มีคู่กรณี
- รถหาย
- ไฟไหม้ / ภัยธรรมชาติ
- คุ้มครองบุคคลและทรัพย์สินอื่นภายนอกที่เสียหายรวมถึงผู้ขับขี่ผู้โดยสารในรถคันเอาประกันภัย
- ค่าประกันตัว
- ค่ารักษาพยาบาลบุคคลภายนอก
ใครเหมาะกับประกันชั้น 1
- รถใหม่ป้ายแดง
- ใช้รถบ่อยเป็นประจำ
- เดินทางไกลตลอด
- รถยนต์ราคาแพง มูลค่าสูง
- มือใหม่หัดขับ
ประกันรถยนต์ ชั้น 2+
ประกันภัยรถยนต์ที่เหมือนประกันชั้น 1 เลย เพียงแต่ว่าไม่คุ้มครองกรณีชนสิ่งของออก โดยจะคุ้มครองรถยนต์คันเอาประกันภัยกรณีชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น
ความคุ้มครอง
- ความเสียหายต่อรถยนต์ที่มีคู่กรณี
- ไฟไหม้ / ภัยธรรมชาติ
- คุ้มครองบุคคลและทรัพย์สินอื่นภายนอกที่เสียหายรวมถึงผู้ขับขี่ผู้โดยสารในรถคันเอาประกันภัย
- ค่าประกันตัว
- ค่ารักษาพยาบาลบุคคลภายนอก
- คุ้มครองรถยนต์สูญหายจากการโจรกรรม
ใครเหมาะกับประกันชั้น 2+
- รถปีที่ 3 เป็นต้นไป
- ผู้ที่ขับรถชำนาญแล้ว
- ต้องการลดเบี้ยลง แต่อยากได้ความคุ้มครองครอบคลุม เหมือนประกันชั้น 1
ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2
ประกันภัยรถยนต์ที่ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของเรากรณีเสียหาย แต่คุ้มครองกรณีสูญหาย อัคคีภัย และคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินบุคคลภายนอก ปัจจุบันประกันภัยรถยนต์ประเภท 2ไม่เป็นที่นิยมเพราะหากเพิ่มค่าเบี้ยประกันไป 2+ จะคุ้มค่ากว่า
ความคุ้มครอง
- ไฟไหม้ / ภัยธรรมชาติ
- คุ้มครองบุคคลและทรัพย์สินอื่นภายนอกที่เสียหาย
- ค่าประกันตัว
- ค่ารักษาพยาบาลบุคคลภายนอก
- คุ้มครองรถยนต์สูญหายจากการโจรกรรม
ใครเหมาะกับประกันชั้น 2
- ผู้ที่ขับรถชำนาญแล้ว
- ใช้รถไม่บ่อย
- จอดรถในที่เปลี่ยว
- รถเก่า 3 ปีขึ้นไป
ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3+
ประกันภัยรถยนต์ที่คุ้มครองการรับผิดชอบความเสียหายต่อคู่กรณี และรถยนต์คันที่เอาประกันภัยในกรณีที่ชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น โดยจะคล้ายกับประกันประเภท 2 + แต่ไม่คุ้มครองกรณีความเสียหายจากอัคคีภัย / ภัยธรรมชาติ / การโจรกรรม
ความคุ้มครอง
- ความเสียหายต่อรถยนต์ที่มีคู่กรณี
- คุ้มครองบุคคลและทรัพย์สินอื่นภายนอกที่เสียหายรวมถึงผู้ขับขี่ผู้โดยสารในรถคันเอาประกันภัย
- ค่าประกันตัว
- ค่ารักษาพยาบาลบุคคลภายนอก
ใครเหมาะกับประกันชั้น 3+
- รถเก่า 5 ปีขึ้นไป
- ขับรถชำนาญแล้ว
- มีที่จอดรถปลอดภัย
ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3
ประกันภัยรถยนต์ที่คุ้มครองการรับผิดชอบความเสียหายต่อคู่กรณี และรถยนต์คันที่เอาประกันภัยในกรณีที่ชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น โดยจะคล้ายกับประกันประเภท 2 + แต่ไม่คุ้มครองกรณีความเสียหายจากอัคคีภัย / ภัยธรรมชาติ / การโจรกรรม
ความคุ้มครอง
- คุ้มครองบุคคลและทรัพย์สินอื่นภายนอกที่เสียหาย
- ค่าประกันตัว
- ค่ารักษาพยาบาลบุคคลภายนอก
ใครเหมาะกับประกันชั้น 3
- ขับรถชำนาญแล้ว
- ไม่ค่อยได้ใช้รถ
- มูลค่าราคารถเหลือน้อยมากแล้ว
- มีที่จอดรถปลอดภัย