โครงการคลินิคแก้หนี้ คือหนึ่งในโครงการของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เปิดให้แก้หนี้เสีย ซึ่งล่าสุดปี 2563 ก็ได้ เปิดโครงการใหม่เป็นระยะเวลา 6 เดือน (เมษายน 2563 – กันยายน 2563) ให้เป็นยาแรง 2 สูตรในการสู้ผลกระทบจาก COVID-19 ด้วย
คลินิคแก้หนี้ 2563
สำหรับคลินิคแก้หนี้เป็นโครงการต่อเนื่องมาจากปีก่อนๆ ซึ่งในปี 2563 ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้ก็ได้มีการเปิดคลินิคแก้หนี้ขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อรวมหนี้เป็นก้อนเดียว โดยไม่ต้องไปเป็รพึ่งหนี้นอกระบบ ซึ่งก็มีเปิดให้แก้หนี้ได้สองวิธี คือ
- วิธีแรกคือจ่ายเท่าที่ไหว และลดดอกเบี้ยให้ 2% เพื่อเป็นการลดภาระลูกค้าที่ชำระหนี้ต่อเนื่อง
- วิธีที่สอง ถ้าจ่ายไม่ไหว ก็สามารถเลื่อนกำหนดชำระหนี้ให้ 6 เดือนโดยที่ไม่ผิดนัด และไม่เสียเครดิตบูโร
ซึ่งคลีนิคแก้หนี้นี้จะสามารถสมัครคลินิกแก้หนี้ ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ที่ต้องระวังคือจะมีผู้ไม่หวังดีเรียกเก็บเงินหรือบอกว่าคลีนิคแก้หนี้ปล่อยกู้ได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง
ธนาคารและสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ
โครงการคลินิคแก้หนี้มี 35 สถาบันที่เข้าร่วมโครงการโดยมี 17 ธนาคารพาณิชย์ เช่น กรุงไทย, scb, ออมสิน และ 18 Non-Bank เช่น Citi นี้เช่นบัตรอิออน, บัตรเครดิตกรุงศรีเฟริสช้อย, J-Fintech, Umay+, พรอมิส ดังภาพ
โดยละเอียดมี 17 ธนาคารพาณิชย์ที่ร่วมคลินิคแก้หนี้ 2563 มีดังนี้คือกรุงไทย, scb, ออมสิน, ธนาคารกรุงเทพ, กสิกร, CIMB, ไทยเครดิต, LH Bank, ธนชาต, Tisco, UOB, Citi, Bank of China, ICBC, เกียรตินาคิน, TMB
และ 18 Non-Bank ที่ร่วมคลินิคแก้หนี้ 2563 มี อิออน, หนี้บัตร A-Money (ไอร่า), Citi, G Capital, iTTP, Jfintech, กรุงศรี, กรุงศรีเฟริสช้อย, เมืองไทย อคปปิตอล, NCAP, เงินกู้สมใจ, พรอมิส, ซัมมิทแคปปิตอล,บัตรเครดิตเทสโก้โลตัส, บัตรเครดิตเดอะวัน, Umay+, เอเชียเสริมกิจลีสซิ่ง, ศักดิ์สยามลิสซิ่ง
คุณสมบัติและขั้นตอนสมัครคลินิคแก้หนี้
คลินิคแก้หนี้กำหนดคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการคือ
- เป็นบุคคลธรรมดา ที่มีรายได้ และอายุไม่เกิน 65 ปี
- เป็นหนี้เสียบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันของสถาบันที่เข้าร่วมโครงการ
- โดยเป็น NPL ก่อน 1 ม.ค. 2563 (พูดง่ายๆว่าเมื่อเช็คเครดิตบูโร แล้วรายงานของเดือน ธ.ค. 2562 จะต้องขึ้นสถานะค้างชำระ 91-120 วันขึ้นไป)
- มีหนี้รวมกันไม่เกิน 2 ล้านบาท
เมื่อคุณสมบัติเข้าเกณฑ์แล้วก็สามารถสมัครคลินิคแก้หนี้ได้โดยวิธีดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ตรวจสอบคุณสมบัติและเตรียมเอกสารประกอบการสมัคร
เอกสารที่ใช้ในการสมัครคลินิคแก้หนี้:
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน / สำเนาทะเบียนบ้าน ของผู้สมัคร
- เอกสารการตรวจสอบข้อมูลภาระหนี้จากเครดิตบูโร โดย ลูกค้าสามารถขอข้อมูลเครดิตบูโรได้ที่ ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร / เคาน์เตอร์ธนาคาร / ATM / Mobile App / ที่ทำการไปรษณีย์ไทย / Internet Banking
- สำหรับพนักงานประจำใช้สลิปเงินเดือน 6 เดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือน ส่วนสำหรับอาชีพอิสระให้ใช้เอกสารการแสดงการเสียภาษีเงินได้ 50 ทวิ (ถ้ามี)
- รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
ขั้นตอนที่ 2 กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มของคลินิคแก้หนี้ (คลิกที่นี้)
ขั้นตอนที่ 3 รอรับการยืนยันจากทางสถาบัน ว่าได้เข้าร่วมโครงการ เพื่อให้เจ้าหน้าที่นัดมาเซ็นปรับโครงสร้างหนี้ (รีไฟแนนช์หนี้)
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลินิคแก้หนี้ โทร 02-610-2266 หรือฟังคลิปสัมภารณ์จากธนาคารแห่งประเทศไทย โดยผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงินได้เลย
อ้างอิง คลินิคแก้หนี้, ธนาคารแห่งประเทศไทยใน Youtube
