ในปัจจุบันรูปแบบการเก็บออมและการลงทุนนั้นมีหลากหลาย ตามความถนัดและความพึงพอใจตลอดจนจำนวนเงินลงทุนของแต่ละคน หลายคนที่มีเงินเก็บออมอยู่จำนวนหนึ่งอาจจะคิดว่าอยากหาวิธีต่อยอดเงินของตนเองให้งอกเงยต่อไป ซึ่งการลงทุนในตลาดหุ้นก็ถือเป็นวิธีการลงทุนที่เป็นที่นิยมวิธีหนึ่ง แต่หลายคนคงคิดว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้เงินจำนวนมากในการลงทุนซื้อหุ้น ซึ่งขออธิบายว่า ณ ตรงนี้ว่าไม่จำเป็นเลยหากเรามีเงินเพียง 5,000 บาทก็สามารถเล่นหุ้นได้แล้ว โดยวิธีเล่นหุ้นโดยใช้เงินจำนวนน้อยนั้น สามารถทำได้ ใน 2 ขั้นตอนดังนี้
- เปิดบัญชีหุ้นกับ Broker ซึ่งในปัจจุบันมี Broker ให้บริการจำนวนมากทั้งธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ซึ่งสิ่งที่เราต้องดูคือค่าธรรมเนียมการซื้อ ขายหุ้น ว่ารูปแบบของผู้ให้บริการรายไหนเหมาะกับเรามากที่สุด มีค่าใช้จ่ายที่เป็นธรรม มีความน่าเชื่อถือ เป็นต้น
- หลักทรัพย์บัวหลวง เปิดบัญชีหุ้น ฝากขั้นต่ำ 3,000 บาทเพื่อไม่ให้เสียค่าธรรมเนียม
- หลักทรัพย์กสิกร เปิดบัญชีหุ้นผ่าน K Plus ได้ ซื้อขายมากกว่า 50 บาทเพื่อไม่ให้เสียค่าธรรมเนียมขั้นต่ำต่อวัน
- หลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ ไม่มีขั้นต่ำ เปิดบัญชีไว้ก่อน ยังไม่ลงทุนก็ได้
- หลักทรัพย์ SBITO ยอดฝากขั้นต่ำ 1,000 บาท
- เลือกหุ้นที่ต้องการเข้าซื้อ หลังจากเราเปิดการบริการกับ Broker แล้ว ขั้นต่อไปคือการซื้อ หุ้นโดยหลักการเลือกซื้อหุ้นนั้น เราจะต้องดูว่าหุ้นตัวนั้นประกอบกิจการอะไร และลองอ่านบทวิเคราะห์ หรืองบการเงินบริษัท ผลประกอบการแนวโน้มการเติบโตว่าเป็นอย่างไร เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนเข้าซื้อ โดยเทคนิคที่เราแนะนำสำหรับการซื้อหุ้นเริ่มต้น เพียง 5,000 บาทก็ซื้อหุ้นได้นั้น มีดังนี้
เทคนิคซื้อหุ้นวิธีต่าง ๆ ด้วยเงิน 5,000
- ออมหุ้นเท่ากันทุกเดือน (DCA Dollar Cost Averaging)
วิธีนี้เหมือนกับการออมเงินในการทะยอยซื้อของต่าง ๆ นั่นเองโดยตลาดหุ้นจะกำหนดให้เราซื้อหุ้นขั้นต่ำที่ 100 หุ้นขึ้นไป เราก็ทะยอยนำเงินของเราเข้าซื้อหุ้นที่ได้เลือกไว้แล้วว่าน่าลงทุน มีโอกาสเติบโตสูงโดยแบ่งเงินออมที่เหลือจากการใช้จ่ายในรูปแบบเงินสด มาทะยอยซื้อหุ้นเดือนละ 1-2 ครั้ง หรือจะรอจังหวะที่ราคาหุ้นตัวนั้นลงเป็นรอบๆ แล้วทะยอยซื้อเก็บไว้ไปเรื่อยๆ ก็ได้ เช่น หุ้น CPF ราคาหุ้น 30 บาท หากเราซื้อจำนวนมากย่อมต้องใช้เงินลงทุนที่สูง แต่หากเราใช้เงิน 5,000 บาท ก็สามารถซื้อสะสมได้ทีละ 100 หุ้น ไปเรื่อยๆ นั่นเอง
- ลงทุนหุ้นผ่านกองทุนรวม
หากเป็นมือใหม่ อยากลองลงทุนในตลาดหุ้นเราขอแนะนำวิธีนี้เพราะใช้เงินลงทุนที่น้อย และมีความเสี่ยงต่ำกว่า เนื่องจากการลงทุนหุ้นผ่านกองทุนรวม คือการที่เรานำเงินของเราไปฝากไว้กับกองทุนรวมของธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ให้นำเงินของเราไปลงทุนในตลาดหุ้นแทนเรา และเราจะได้รับค่าตอบแทนเป็นส่วนแบ่งจากผลประกอบการกองทุนตามจำนวนเงินที่เราลงทุนไปนั่นเอง วิธีนี้เหมือนเรารวมเงินกับเพื่อนหลายๆ คนแล้ว ตั้งคนที่มีความสามารถ มีความรู้ในการลงทุนมาดูแล และแจกจ่ายผลตอบแทนให้กับเรา ทำให้มีความเสี่ยงในการลงทุนต่ำกว่าเราลงทุนด้วยตนเอง และไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากในการลงทุนแต่อย่างใด
- หาหุ้นเล็กราคาหลักสิบ
การลงทุนวิธีนี้คือการหาหุ้นที่ราคายังไม่สูงมาก ซึ่งในปัจจุบันมีหลายตัวมากในตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่ราคาหลักสิบถึงหลักสตางค์ แต่เราพิจารณาดูแล้วว่าบริษัทมีผลประกอบการที่ดี ธุรกิจน่าสนใจ มีอัตราการเติบโตสูงก็สามารถเข้าซื้อเพื่อลงทุนได้ แต่เราแนะนำว่าวิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีประสบการณ์บ้างแล้วในตลาดหุ้น เพราะต้องอาศัยความเข้าใจในการลงทุน สามารถคาดการณ์แนวโน้มราคาหุ้นและจังหวะการเข้าซื้อได้พอสมควร เพราะหากเข้าไปซื้อหุ้นโดยไม่มีความรู้อะไรเลย เงิน 5,000 บาทที่มี แทนที่จะเป็นเงินออมอาจหายไปกลายเป็นขาดทุนก็เป็นได้ หากเข้าผิดจังหวะหรือไม่ได้ศึกษาผลประกอบการ และงบการเงินของบริษัทมาก่อน
- หาหุ้นปันผลดี ต่อยอดเงินให้งอกเงย
การลงทุนวิธีนี้คือการลงทุนโดยมุ่งหวังผลกำไรจากปันผลการดำเนินงานของบริษัท เพราะการที่เราเข้าไปซื้อหุ้นแล้วจะมีสถานะเป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งบริษัทเมื่อประกอบกิจการและมีผลกำไรจากการดำเนินงานแล้วก็จะแบ่งสรรปันส่วนมาให้กับผู้ถือหุ้นตามผลประกอบการและจำนวนหุ้นที่ถืออยู่ ซึ่งวิธีนี้เหมาะกับผู้ที่อยากออมเงินโดนให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยธนาคาร หรือไม่ชอบการลงทุนที่ต้องติดตามดูหุ้นตลอดเวลา เหมือนคนที่เล่นหุ้นแบบซื้อมา ขายไป เป็นต้น โดยเราจะได้ผลตอบแทนจากปันผลแล้ว ยังทำกำไรได้จากราคาหุ้นที่เราถือครองหากขึ้นไปสูงมากจนเราพอใจแล้ว เราสามารถขายหุ้นทั้งหมดหรือแบ่งขายเพื่อนำเงินไปลงทุนต่อก็ได้
