สงครามรัสเซีย-ยูเครน จุดเริ่มต้นวิกฤตการเงินโลก
จากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง นอกจากจะส่งผลกระทบเรื่องการสูญเสียของชีวิตผู้คน และทรัพย์สินต่าง ๆ แล้ว ผลกระทบอีกอย่างหนึ่งที่ต้องพูดถึงก็คือ “ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ”
เมื่อสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป (EU) ได้เริ่มมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับรัสเซีย โดยมาตรการต่าง ๆ ที่ทางสหรัฐอเมริกาและยุโรปใช้นั้น ย่อมต้องส่งผลกระทบต่อกันเป็นลูกโซ่ ทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศรัสเซีย ประเทศในทวีปยุโรป รวมทั้งประเทศอื่น ๆ ด้วย เพราะระบบเศรษฐกิจโลกในยุคโลกาภิวัฒน์ในปัจจุบัน เรียกได้ว่าเกี่ยวข้องกันไปทั่วโลก อย่างไม่สามารถแยกขาดจากกันได้ โดยมาตรการคว่ำบาตรที่ทางสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปเลือกใช้กับรัสเซียนั้นประกอบไปด้วย
ตัวอย่างมาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐและยุโรป ดำเนินการกับรัสเซีย
- การอายัดสินทรัพย์ต่าง ๆ ของรัฐบาลรัสเซียและผู้เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะสวิตเซอร์แลนด์ที่แต่เดิมถูกมองว่าเป็นชาติเป็นกลางที่สุด มีการเก็บทรัพย์สินของรัฐบาลต่าง ๆ ทั่วโลกไว้ที่นี่จำนวนมาก
- การตัดระบบธนาคารของรัสเซียออกจากระบบ Visa, Mastercard , Apple Pay, Google Pay รวมทั้งระบบ SWIFT ที่เป็นระบบการโอนข้อมูลธุรกรรมทางการเงินข้ามชาติ ทำให้ระบบการชำระเงินและบัตรเครดิตของรัสเซียแทบเป็นอัมพาตทันที และทำให้ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียตกลงอย่างมาก สาเหตุนี้ทำให้ธนาคาร Sberbank ที่เป็นธนาคารใหญ่สุดของรัสเซียต้องปิดตัวกิจการในยุโรปเนื่องจากไม่มีกระแสเงินสดในการดำเนินงาน
- การระงับการซื้อขายก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย เนื่องจากยุโรปเป็นผู้ซื้อก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของรัสเซียกว่าร้อยละ 40
- การห้ามเครื่องบินพาณิชย์ของรัสเซียบินเข้าน่านฟ้ายุโรป
- การกีดกันรัสเซียจากกิจกรรมระหว่างประเทศต่าง ๆ เช่น การแข่งขันกีฬา, การประชุมนานาชาติ เป็นต้น
- การห้ามส่งออกสินค้าจำพวกเทคโนโลยีต่าง ๆ ไปยังรัสเซีย
ซึ่งจากมาตรการต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของโลก อันเนื่องมาจากจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่เกิดจากสถานการณ์โควิด-19 อยู่แล้ว ทั้งยังมีปัจจัยด้านสงครามรัสเซีย-ยูเครน มาซ้ำเติมเข้าไปอีก แต่หากมองว่ามาตรการคว่ำบาตรและวิกฤตจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน จะกระทบอย่างไรกับการเงินโลกนั้น เราสามารถแตกประเด็นมาวิเคราะห์ได้ดังนี้
ผลกระทบจากสงครามยูเครน รัสเซียต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก
จากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน และมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของนานาประเทศนั้น คาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมกับระบบเศรษฐกิจและการเงินของโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะอย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าโลกของเรานั้น ในปัจจุบันได้เข้ามาอยู่ในยุคของโลกาภิวัฒน์ ทุกสิ่งทุกอย่างเชื่อมโยงถึงกันหมด เหมือนทฤษฎี Butter Fly Effect ที่ผีเสื้อตัวนึงขยับปีก ก็อาจส่งผลกระทบต่ออีกซีกโลกได้นั่นเอง โดยสิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเรื่องผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและการเงินประกอบไปด้วย
- ราคาก๊าซและน้ำมันสูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นเพราะเนื่องจากรัสเซีย เป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติอันดับหนึ่ง การที่ทั่วโลกต่างแบนรัสเซีย ย่อมส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ต้องปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจาก Supply หายไปนั่นเอง
- ราคาต้นทุนค่าขนส่งทางอากาศสูงขึ้น เป็นที่ทราบกันดีว่ารัสเซียนั้น มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล การที่ยุโรปต่างแบนไม่ให้รัสเซียใช้น่านฟ้า และรัสเซียก็แบนยุโรปเช่นกัน ทำให้เครื่องบินขนส่งสินค้า หรือเครื่องบินโดยสารต้องบินอ้อมกว่าเดิม ทำให้ต้องใช้ปริมาณเชื้อเพลิงมากขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
- ราคาสินค้าทางการเกษตรเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากคู่สงครามทั้งสอง ได้แก่ รัสเซียและยูเครน เป็นชาติผู้ส่งออกข้าวสาลีอันดับต้น ๆ ของโลก เพราะสินค้านี้เป็นสินค้าพื้นฐานที่นำไปผลิตสินค้าอื่น ๆ ได้อีก การที่ข้าวสาลีแพงขึ้นก็ย่อมส่งผลกระทบต่อสินค้าอื่นที่ใช้ข้าวสาลีเป็นวัตถุดิบ
- เกิดการแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจโลกในอนาคต การที่โลกตะวันตกและชาติพันธมิตรคว่ำบาตรรัสเซีย ทำให้เกิดการบังคับให้รัสเซียไปค้าขายกับชาติพันธมิตรของรัสเซียเอง เช่น จีน กลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียตเก่า ทำให้เกิดการรวมกลุ่มกันระหว่างแต่ละพันธมิตรทางเศรษฐกิจ และคว่ำบาตรกันไปมา ทำให้เกิดสภาวะสงครามเย็นทางเศรษฐกิจของโลก ทำให้เกิดการชะงักงันและชะลอตัวทางเศรษฐกิจระยะยาวที่กินเวลายาวนานหลายปีในอนาคต