Passive Income หลายคนคงเคยได้ยินคำนี้กันมาบ้าง ทั้งจากเพื่อน ๆ การอบรม, การเรียน หรือเคยได้ยินผ่านสื่อต่าง ๆ แต่อาจยังสงสัยกันอยู่บ้างว่าแท้จริงแล้ว Passive Income คืออะไร ทำไมคนถึงพูดถึงกันมากมายและถือเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนฝันว่าซักวันหนึ่งตัวเองจะได้มี Passive Income กับเค้าบ้าง ซึ่งในวันนี้เราจะมาอธิบายทำความเข้าใจกันดังนี้
Passive Income คืออะไร ?
Passive Income หมายถึง กระแสเงินสดที่เป็นรายได้ของเราที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องลงแรงทำงานแต่ได้มาจากทรัพย์สินหรือเงินลงทุนของเราที่ทำให้เกิดรายได้เข้ามา โดยรายได้นั้นสร้างมูลค่าเพิ่มทางทรัพย์สินให้กับเราอย่างต่อเนื่อง หมุนเวียนได้ไปตลอด
ตัวอย่าง Passive Income
ตัวอย่างของการสร้าง Passive Income นั้นมีมากมายหลายรูปแบบตามแต่เงินทุน ความรู้ ความสามารถ โอกาสและประสบการณ์ของแต่ละคน โดยเราขอยกตัวอย่าง Passive Income ดังนี้
ค่าเช่าจากสินทรัพย์: คือการที่เรานำเงินไปลงทุนซื้อสินทรัพย์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ที่ดิน หอพัก คอนโด บ้าน หรือแม้กระทั่งรถยนต์ แล้วนำมาปล่อยเช่าเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับเงินลงทุนของเรา ผลตอบแทนที่เราจะได้ไปตลอดอายุสัญญาเช่าก็คือ ค่าเช่าจากผู้เช่านั่นเอง
เงินปันผล: คือการที่เรานำเงินลงทุนของเราไปซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หรือลงทุนในกองทุนต่างๆ หากบริษัทหรือกองทุนที่เราร่วมลงทุนด้วยมีกำไรและผลประกอบการที่ดี ก็จะจ่ายผลตอบแทนให้กับเรามาในรูปแบบของเงินปันผล
ค่าโฆษณา ค่ารีวิวจากการทำเพจ หรือช่อง YouTube = ถือเป็นรูปแบบการหา Passive Income สมัยใหม่ที่หากเพจหรือช่องของเราเป็นที่นิยมแล้วล่ะก็ สามารถเป็นช่องทางสร้างรายได้ได้อย่างมหาศาล โดยเกิดจากการที่เราสร้างเพจหรือช่องของเราเองขึ้นมาแล้วทำ content ต่าง ๆ เช่น การรีวิวสินค้า , การท่องเที่ยว , การให้ความรู้ต่าง ๆ และหากเป็นที่นิยม มีคนติดตามเยอะก็จะเริ่มมีสปอนเซอร์ มาติดต่อเพื่อขอพื้นที่รีวิวสินค้า , หรือโฆษณา ทำให้สร้างรายได้ให้กับเราในที่สุด นอกจากนี้บาง Platform เช่น YouTube ก็จะมีการจ่ายเงินให้กับเราที่เป็นเจ้าของช่องตามยอดผู้เข้าชม เมื่อถึงเกณฑ์ที่กำหนดอีกด้วย
ค่าลิขสิทธิ์ ทรัพย์สินทางปัญญา = คือการที่เราได้สร้างสรรค์งานศิลปะ บทเพลง นิยาย หรือสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ แล้วได้รับความสนใจมีคนมาขอซื้อนำไปใช้ต่อ ซึ่งอาจจะขอใช้เป็นรายครั้ง หรือขอใช้ระยะยาวขึ้นอยู่กับสัญญาที่เราทำกับผู้ซื้อ ทำให้เรามีรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ของเรา เช่น
- บทละคร
- เพลง
- ฟอนต์ตัวอักษร
- ค่าโปรแกรมต่างๆ ในคอมพิวเตอร์
- ค่าใช้งานแอปรายเดือน
จะสร้าง Passive Income ได้อย่างไร ?
การสร้าง Passive Income นั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่ายเพราะต้องอาศัยระยะเวลากว่าผลตอบแทนในการลงทุนของเรา จะงอกเงยเพิ่มขึ้นมาจนเป็นรายได้ที่เพียงพอต่อความต้องการของเรา โดยวิธีสร้าง Passive Income มีขั้นตอนดังนี้
- วางแผนการลงทุน โดยขั้นแรกเราต้องมีเป้าหมายในการออมเงินเพื่อลงทุนที่ชัดเจน ว่าจะนำเงินออมของเราเองไปสร้าง Passive Income แบบไหน เช่น จะไปซื้อคอนโดปล่อยเช่า หรือจะไปลงทุนในหุ้น เป็นต้น เพื่อที่จะได้มีเป้าหมายการเก็บเงินว่าจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนเท่าไหร่
- ประมาณการรายได้ที่ต้องการ หลังจากมีแผนการลงทุนที่ชัดเจนแล้ว สิ่งต่อมาคือการประมาณการรายได้ว่าเราต้องการรายได้ประมาณเท่าไหร่ต่อเดือน และคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนว่าต้องลงทุนจำนวนเท่าใด จึงจะได้รายได้ที่ต้องการ เพื่อคำนวณว่าวิธีการดังกล่าวคุ้มหรือไม่ที่จะลงทุน และให้ผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ ใช่หรือไม่
- เริ่มลงทุน โดยหากเงินออมของเรามีเพียงพออยู่แล้วก็สามารถที่จะเริ่มลงทุนได้เลย เช่นการไปซื้อคอนโด , ที่ดิน , หรือการสร้างเพจ ช่อง YouTube ต่างๆ แต่ถ้าหากเงินลงทุนของเราไม่เพียงพอ แต่อยากเริ่มลงทุนก็อาจหาวิธีการลงทุนแบบสะสมไปเรื่อยๆ เช่น การลงทุนในหุ้น , การลงทุนในกองทุนรวม ที่ไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากลงทุนเพียงครั้งเดียว แต่สามารถแบ่งเงินออมของแต่ละเดือนไปลงทุนได้เลย ซึ่งเราสามารถเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับเงินทุน ความถนัด และความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของตัวเราเองได้
- ประเมินผลปรับแผน การสร้าง Passive Income ไม่ใช่หมายความว่าหากเรามี Passive Income แล้วเราจะไม่ต้องทำอะไรเลย การสร้าง Passive Income เหมือนกับการให้เงินของเราไปทำงานให้โดยเราเป็นผู้บริหาร ซึ่งต้องมีการปรับแผนรูปแบบวิธีการอยู่ตลอดหากรายได้ไม่เป็นที่น่าพอใจ หรือมีความเสี่ยงต่างๆ เกิดขึ้น เช่น หากเราซื้อคอนโดปล่อยเช่า และคอนโดนั้นเริ่มมีอายุมากแล้วได้ค่าเช่าลดลง ราคาซื้อขายห้องชุด ในคอนโดนั้นลดลง ก็จำเป็นต้องรีบขาย เพื่อไม่ให้ขาดทุน หรือการที่เรานำเงินไปลงทุนในหุ้น กองทุนต่าง ๆ แต่ได้รับปันผลไม่เป็นที่น่าพอใจ ก็ต้องทำการย้ายเงินของเราไปหาหุ้นหรือกองทุนใหม่ เป็นต้น