ใบขับขี่ ซึ่งเป็นใบอนุญาตขับขี่นั้น มีอายุ 2 ปี สำหรับผู้ที่ขอใบขับขี่ครั้งแรก หรือมีอายุ 5 ปีสำหรับผู้ที่ต่ออายุมาแล้ว และแน่นอนว่าเมื่อใบขับขี่ใบเดิมใกล้จะหมดอายุ หรือแม้แต่หมดอายุไปแล้วเราก็ต้องไปต่อใบขับขี่ ซึ่งในปัจจุบันการต่อใบขับขี่ จองคิวออนไลน์ได้แล้ว
รวมทั้งมีระบบต่อใบขับขี่ออนไลน์ โดยทำการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ก่อน (e-Learning) แล้วจึงไปทำการทดสอบสมรรถภาพของร่างกายและออกใบอนุญาตขับรถที่กรมอีกที ภายใน 90 วันหลังจากเริ่มอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ ตาม ไหนดี มาดูกันว่าทำยังไงบ้าง
1. อบรมใบขับขี่ออนไลน์ (ช่วงโควิด)
การต่อใบขับขี่ออนไลน์ทำได้เฉพาะผู้ที่ใบอนุญาตขับรถสิ้นอายุไม่เกิน 1 ปี หรือต่ออายุล่วงหน้าไม่เกิน 90 วัน (นอกจากกลุ่มนี้: ดูหัวข้อต่อไปด้านล่าง) โดยมีระยะเวลาที่ใช้ในอบรม ต่อใบขับขี่ออนไลน์ คือ
- ใบขับขี่ส่วนบุคคล – อบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ 1 ชั่วโมง
- ใบขับขี่ขนส่ง – อบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ 2 ชั่วโมง
- ใบขับขี่สาธารณะ – อบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ 3 ชั่วโมง
หมายเหตุ : ต้องดูวิดีโอให้จบแบบจบจริง ๆ ห้ามกดข้าม ห้ามปิดหน้าต่างของหน้าเว็บไซต์
วิธีการต่อใบขับขี่ออนไลน์ มีขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1: คลิกไปเว็บไซต์อบรมใบขับขี่ออนไลน์ จากนั้นให้กดปุ่มลงทะเบียนอบรม และกรอกข้อมูลเพื่อเข้าสู่ระบบอบรม
ขั้นตอนที่ 2: เข้าสู่ระบบ แล้วรับชมวีดีโออบรมใบขับขี่ออนไลน์ให้จบ
ขั้นตอนที่ 3: ยันยันตัวตนด้วยเลขบัตรประชาชน
ขั้นตอนที่ 4: ตรวจสอบผล แล้วเสร็จสิ้นการอบรมใบขับขี่ออนไลน์
อบรมใบขับขี่ออนไลน์แล้วทําไงต่อ ? ไหนดี แนะนำให้แคปหน้าจอผลการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ไว้ด้วย ผลการอบรมออนไลน์มีอายุ 6 เดือน นับจากวันผ่านการอบรม หลังจากนั้นให้ไปทดสอบสมรรถภาพและออกใบอนุญาตใน 90 วันนับจากวันที่อบรม
2. จองคิวต่อใบขับขี่ ออนไลน์
มาดูวิธีจองคิวต่อใบขับขี่ ออนไลน์สำหรับการทดสอบสมรรถภาพและออกใบขับขี่ ที่สำนักงานขนส่งทางบกกันครับ
- ขั้นตอนที่ 1: โหลดแอปฯ DLT Smart Queue ซึ่งเป็นแอพจากกรมการขนส่งทางบก หรือถ้ามีอยู่แล้วก็สามารถเปิดแอพเข้าไปเพื่อทำการจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ ในขั้นตอนต่อไปได้เลย
- ขั้นตอนที่ 2: เข้าสู่ระบบโดยให้กด “บัตรประชาชน” เพื่อกรอกเลขบัตรประชาชน (ถ้ายังไม่เคยใช้งาน ให้ลงทะเบียน)
- ขั้นตอนที่ 3: เลือกสำนักงานขนส่งที่ต้องการจองคิวต่อใบขับขี่ ฝ
- ขั้นตอนที่ 4: เลือกประเภทงานบริการเป็น “งานใบอนุญาต”
- ขั้นตอนที่ 5: เลือกประเภทใบอนุญาตขับรถตามความต้องการ
- ขั้นตอนที่ 6: เลือกประเภทเข้ารับบริการเป็น “ต่ออายุใบอนุญาตขับขี่”
- ขั้นตอนที่ 7: แล้วเลือกยานพาหนะตามต้องการ
- ขั้นตอนที่ 8: จากนั้นกรอกข้อมูลวันหมดอายุใบอนุฐานขับขี่ให้ครบถ้วน ทั้งวัน/เดือน/ปีหมดอายุ และประเภทรถ
- ขั้นตอนที่ 9: จะมีให้เลือกว่าต้องการจองคิวต่อใบขับขี่ 5 ปีเป็น 5 ปี หรือ 2 ปีเป็น 5 ปี หรือถ้ามีหมดอายุไปก่อนก็จะมีให้เลือกเช่นกัน
- ขั้นตอนที่ 10: เลือก”วันที่” ที่ต้องการต่อใบขับขี่ จองคิวได้ในวันที่มีสีเขียวบนปฎิทิน
- ขั้นตอนที่ 11: เลือก “เวลา” ที่ต้องการไปจองต่อใบขับขี่ออนไลน์
- ขั้นตอนที่ 12: แล้วกด “ยืนยันการจอง”
- ขั้นตอนที่ 13: เสร็จสิ้นการจอง โดยให้ทำการแคปหน้าจอหรือเปิดหน้าการจองคิว เพื่อใช้แสดงกับเจ้าหน้าที่
3. ยกเลิกต่อใบขับขี่ ออนไลน์
หากทำการจองคิวไป แต่มีเหตุไม่สะดวกหรือต้องการยกเลิกการจอง สามารถทำได้ง่าย ๆ 2 ขั้นตอน ดังนี้
- ขั้นตอนที่ 1: ไปที่หน้า “คิวของฉัน” แล้วเลือกรายการที่ต้องการยกเลิกจองคิว (รูปถังขยะ)
- ขั้นตอนที่ 2: ติ๊กถูก ✅ “ยืนยันการดำเนินการยกเลิกการจองคิว” จากนั้นกด “ยืนยัน”
เพียงเท่านี้ก็สามารถยกเลิกการจองได้แล้ว
เตรียมเอกสารให้พร้อม
สำหรับการต่อใบขับขี่จะมีเอกสารและค่าธรรมเนียมที่ต้องใช้ ดังนี้
- บัตรประชาชนผู้ขับขี่
- ใบขับขี่ใบเดิม
- ใบรับรองแพทย์ไม่เกิน 1 เดือน (สำหรับผู้ที่ต่ออายุแบบ 2 ปี เป็น 5 ปี เท่านั้น)
- ค่าธรรมเนียมต่อใบขับขี่
- รถมอเตอร์ไซค์ เตรียมเงินค่าธรรมเนียม 255 บาท
- รถยนต์ เตรียมเงินค่าธรรมเนียม 505 บาท
- ถ้ามีการเปลี่ยนชื่อให้แนบใบเปลี่ยนชื่อมาด้วย
และเมื่อไปต่อใบขับขี่จะมีให้ทดสอบร่างกาย รวมถึงอบรม 1 ชั่วโมงด้วย ก่อนที่จะถ่ายรูปและรับใบขับขี่ใบใหม่ต่อไป (การจองคิวข้างบนนี้รวมการจองคิวอบรมต่อใบขับขี่อยู่แล้ว)
จะเห็นว่าการต่อใบขับขี่นั้นไม่ยากอีกต่อไปไม่ว่าจะจองคิวต่อใบขับขี่ 5 ปี หรือ 2 ปี ไม่ว่าจะเป็นการจองคิวต่อใบขับขี่รถยนต์ หรือจองคิวต่อใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ก็ตาม สามารถจองคิวต่อใบขับขี่ผ่านแอปฯ ได้เลย ส่วนคำถามว่าต่อใบขับขี่ต้องจองคิวไหมนั้น หากไม่จองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ ก็ยังสามารถไปต่อใบขับขี่ที่สาขาได้ปกติ
อ้างอิง กรมการขนส่งทางบก, แอพ DLT Smart Queue