เมื่อไปทำการขอสินเชื่อเพื่อกู้เงินด่วน, ซื้อบ้าน, ซื้อรถยนต์ แล้วทางธนาคารปฏิเสธการให้กู้ เขาเหล่านั้นก็มักจะเข้าใจว่าเป็นเพราะตนเองติดเครดิตบูโร หรืออยู่ในรายชื่อที่เรียกว่า ติดแบล็คลิส จึงกู้ไม่ผ่าน เกิดคำถามขึ้นว่า ถ้าติดเครดิตบูโรแล้ว กี่ปีจึงหาย และเมื่อไหร่ที่จะขอสินเชื่อได้อีกครั้ง
ทำความเข้าใจและรู้จัก เกี่ยวกับเครดิตบูโร
เครดิตบูโร คือ การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประวัติบัญชีสินเชื่อต่างๆ และ ประวัติของการชำระงวดสินเชื่อทุกชนิด ที่บุคคลรวมถึง นิติบุคคล ได้มีการชำระ และค้างชำระไว้กับสถาบันการเงิน ผู้ที่เก็บข้อมูลนี้คือ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ซึ่งได้รับอนุญาตจากทางรัฐบาลโดยตรงให้ทำหน้าที่นี้ ข้อมูลที่รวบรวมมาสถาบันการเงินต่าง ๆ ซึ่งเป็นสมาชิกของเครดิตบูโร รวมถึงบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อ
ข้อมูลที่มีอยู่ในเครดิตบูโรคืออะไร
ข้อมูลที่สถาบันการเงินส่งให้ทางเครดิตบูโร ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคลที่บ่งชี้ถึงตัวลูกค้ารายนั้น คือ
- ชื่อ นามสกุล
- วันเดือนปีเกิด
- เลขบัตรประชาชน
- ไม่มีการเก็บเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ไว้ในเครดิตบูโร
ข้อมูลเหล่านี้ก็คือ ข้อมูลที่ผู้กู้ได้แจ้งไว้ในตอนที่ทำสัญญาสินเชื่อนั่นเอง ข้อมูลอีกอย่างก็คือ ข้อมูลที่เกี่ยวกับบัญชีสินเชื่อ
- ประเภทสินเชื่อที่เราได้กู้ไป
- วงเงินที่ให้สินเชื่อเท่าไหร่
- วงเงินที่ทางสถาบันการเงินอนุมัติให้
- วงเงินที่เราได้ใช้ไป
- ข้อมูลสถานะบัญชีว่าเป็น บัญชีชนิดปกติ บัญชีที่มีการพักชำระหนี้ บัญชีค้างชำระหนี้ หรือบัญชีที่มีการปิดไปแล้ว
- ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติชำระหนี้ ไม่ว่าจะเป็นการชำระล่าช้า ชำระตรง ผิดนัดชำระ วันที่เปิดบัญชี วันที่มีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หรือ วันที่ชำระหนี้ล่าสุด
สาเหตุที่กู้ไม่ผ่าน และคำว่า ติดเครดิตบูโร
เราคงเคยได้ยินคำว่า ติดเครดิตบูโร หรือ ติดแบล็คลิส กันอยู่บ่อย ๆ แต่ถ้ามองจากข้อมูลที่ได้กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่าไม่มีการจัดรายชื่อแบล็คลิส หรือการทำบัญชีแบล็คลิส ในสถาบันเครดิตบูโรแต่อย่างใด
สาเหตุที่กู้ไม่ผ่าน และเรียกกันว่าติดเครดิตบูโร หรือติดแบล็คลิสนั้น ความจริงแล้วมาจากการที่สถาบันการเงิน หรือธนาคารขอประวัติและข้อมูลในอดีตที่เราเคยไปทำการขอสินเชื่อมา ทางเครดิตบูโรก็จะนำเอาประวัติ ข้อมูลดังกล่าวส่งให้ตามที่ร้องขอ เมื่อทางสถาบันการเงินที่เราไปยื่นขอสินเชื่อได้รับประวัติของเรามาแล้ว เจ้าหน้าที่วิเคราะห์สินเชื่อจะทำการประเมินโดยนำเอาข้อมูลนี้มาประกอบการพิจารณาว่า เรามีความสามารถในการชำระแค่ไหนในการจ่ายคืน เรามีวินัยทางการเงินมากน้อยเพียงใด
ดังนั้นคำว่า ติดแบล็คลิส หรือ ติดเครดิตบูโร แท้จริงแล้วก็คือ ประวัติการชำระของเราไม่สวย และไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินสินเชื่อของทางสถาบันการเงิน แต่อย่าเพิ่งกังวลใจไป เพราะมีข่าวดีและคำตอบที่ทำให้คุณมีความหวังในการขอสินเชื่อซึ่งเราอยากให้คุณได้รู้
ติดเครดิตบูโร กี่ปีหาย ใครดูได้บ้าง
- เครดิตบูโรจะส่งข้อมูลให้เฉพาะกับสมาชิกสถาบันการเงินหรือองค์กรที่เป็นสมาชิกเครดิตบูโรเท่านั้น
- สถาบันการเงินหรือบริษัทให้สินเชื่อที่ไม่เป็นสมาชิกก็จะไม่ได้รับข้อมูลนี้
- ข้อมูลที่เก็บไว้กับทางเครดิตบูโรจะมีการเก็บไว้ในระยะเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น
- ติดเครดิตบูโร สามารถกู้สินเชื่อที่ไม่เช็คบูโรผ่าน เช่น สินเชื่อรถแลกเงินบางแห่ง
จ่ายหมดแล้ว เราจะขอสินเชื่อได้เมื่อไหร่
ทางเครดิตบูโรเก็บข้อมูลของเราไว้เพียง 3 ปี ดังนั้น เราจะติดเครดิตบูโรอยู่เป็นระยะเวลา เพียง 3 ปี หลังจากที่เราทำการชำระสินเชื่อครบทั้งหมดแล้ว ไม่มีการทำสัญญาขอสินเชื่อเพิ่มอีก ทางสถาบันการเงินก็จะหยุดส่งข้อมูลการผิดชำระของเราให้ทางเครดิตบูโรทันทีที่เราชำระปิดบัญชี (จะมีสถานะบัญชี 11: ปิดบัญชีแล้ว) แต่ข้อมูลของเราจะยังไม่หายไปทันที ต้องรอให้ครบ 3 ปีก่อน เมื่อครบ 3 ปีแล้ว เราก็จะหลุดจากข้อมูลประวัติสินเชื่อนั้นไป
คำว่า 3 ปีนั้น ในเอกสารจะแสดงข้อมูล เป็น 36 แถว ซึ่งก็คือข้อมูลของแต่เดือน เมื่อมีข้อมูลใหม่เข้ามาแทนข้อมูลเก่าไปเรื่อย ๆ ทีละแถว ข้อมูลเก่าก็จะถูกลบไปทีละแถวด้วย ประวัติเก่าที่สุดจะค่อย ๆ ถูกลบไป ดังนั้นเมื่อครบ 36 เดือน ก็เท่ากับว่าไม่มีข้อมูลของเราในเครดิตบูโรอีก (สถานะบัญชี 10: ปกติ)
ไม่จ่ายค่างวด รอ 3 ปีกู้ใหม่ ได้ไหม
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สำหรับคนคิดว่าจะไม่ชำระสินเชื่อให้ครบคือ จะหยุดชำระสินเชื่อไปเลย แล้วรอให้ผ่านไป 3 ปีจะทำการขอสินเชื่อใหม่จากสถาบันการเงินแห่งอื่น ตรงนี้ทำไม่ได้ เนื่องจากสถาบันการเงินจะยังคงส่งข้อมูลการผิดชำระหนี้ให้เครดิตบูโรต่อไปอีกอย่างน้อย 5 ปี ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องชำระให้ครบก่อน ส่วนประวัติที่มีค้างชำระหรือผิดนัดชำระบ้างแต่สุดท้ายได้ทำการชำระครบปิดบัญชีไปแล้ว เมื่อครบ 3 ปี ประวัติเครดิตบูโรก็จะถูกล้างไปโดยอัตโนมัติ ไม่ติดเครดิตบูโรอีก ขาวสะอาด คราวนี้เราก็สามารถยื่นขอสินเชื่อใหม่ได้เลยนั่นเอง