“เงิน” ถือเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญอย่างหนึ่งในการดำรงชีวิต คนเราใช้เงินเพื่อซื้อหาหรือแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งเราเองก็จำเป็นต้องทำงานหาเงินเพื่อหารายได้มาเลี้ยงตัวเราเองและครอบครัว ดังนั้น เรื่องของการบริหารจัดการเงิน จึงเป็นเรื่องใกล้ตัวเป็นอย่างมาก ที่คนเราทุกคนจะต้องบริหารเงินของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นด้านการออม รายรับ และรายจ่าย
วันนี้ไหนดีเลยอยากพามาแนะนำแนวคิดการบริหารจัดการเงิน ที่เรียกกันว่าแนวคิด “เงิน 4 ด้าน” ที่เป็นแนวคิดในการบริหารจัดการเงินของ Robert T.Kiyosaki และ Shalon L. Lechter โดยแนวคิดเงิน 4 ด้านจะเป็นอย่างไรบ้าง เราไปดูรายละเอียดกันได้เลย
เงิน 4 ด้าน กับ 4 แหล่งที่มาแห่งการสร้างรายได้
สำหรับ “เงิน 4 ด้าน” คือ แนวคิดในการบริหารจัดการรายได้จากการทำงาน ที่มุ่งเน้นความมั่นคงและปลอดภัย หากเรายิ่งมีแหล่งที่มาของรายได้มาก ความปลอดภัยและความมั่นคงทางการเงินก็ยิ่งมากไปด้วย โดยแหล่งที่มาของรายได้นั้นจะสอดคล้องกับลักษณะอาชีพเราเป็น 4 ด้าน ดังต่อไปนี้
- E = Employee : แหล่งที่มาของรายได้จากการเป็น “ลูกจ้าง” หรือ “พนักงานประจำ” หากเราเป็นคนในกลุ่มนี้ ควรโฟกัสในการทำงานหลักของเราให้ดี มุ่งมั่นพัฒนาตนเอง เพราะถือว่าตัวเราเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด หากเรามีความรู้ ความสามารถ ย่อมเป็นที่ต้องการของนายจ้าง อัตราค่าจ้างหรือตำแหน่งงานและความก้าวหน้ามีโอกาสเพิ่มมากขึ้นไปด้วย
- S = Self Employed แหล่งที่มาของรายได้จากการ “ประกอบกิจการส่วนตัว” โดยหากเราเป็นคนกลุ่มนี้ จะต้องมองหาความถนัดของตนเอง ว่าเรามีความสามารถ ความถนัดที่จะทำอะไร หรือมีโอกาส ไอเดียที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หรือไม่ จากนั้นค่อย ๆ ปรับปรุง พัฒนาความสามารถ ไอเดียที่เรามี เป็นธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ให้กับตัวเราเองต่อไป
- B = Business Owner แหล่งที่มาของรายได้จากการเป็น “เจ้าของกิจการ” โดย Business Owner จะต่างจาก Self Employed ตรงที่ Business Owner นั้น อาจไม่จำเป็นต้องลงไปทำงานด้วยตนเอง แต่ใช้ทรัพย์สินในการสร้างรายได้ให้กับตนเอง เช่น การเป็นเจ้าของหอพัก, การเป็นประธานบริษัทขนาดใหญ่ เป็นต้น โดย Business Owner บางครั้งก็เริ่มต้นมาจาก Self Employed หรือ Employee ที่เมื่อสะสมสินทรัพย์มากขึ้น ก็นำเงินไปลงทุน สร้างรายได้จากหลายทางให้กับตนเองได้
- I = Investor แหล่งที่มาของรายได้จากการลงทุน โดย Investor นั้น เราเรียกกันว่า “นักลงทุน” ที่เกิดจากการนำเงินหรือสินทรัพย์ที่เรามี ไปลงทุนต่อยอดสร้างรายได้ให้กับตนเอง เช่น การลงทุนในกองทุนต่าง ๆ, การลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพและกินส่วนแบ่งกำไร เป็นต้น
เงิน 4 ด้าน หลอมรวมเป็นที่มาของรายได้
หลังจากรู้จักแหล่งที่มาของรายได้แล้ว และทราบว่าตอนนี้รายได้ของเราอยู่ในข้อไหนเป็นหลัก ขั้นตอนต่อไป คือ การหลอมรวมหรือสร้างแหล่งที่มาจากรายได้ในข้ออื่น เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับตัวเอง จากแหล่งที่มาของเงิน 4 ด้าน เราจะสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่ม 1 Active Income (E = Employed และ S = Self Employed) : กลุ่มนี้เราจะต้องทำงาน เพื่อหารายได้ หากเราหยุดทำงาน ก็จะไม่มีรายได้เข้ามา
- กลุ่ม 2 Passive Income (B = Business Owner และ I = Investor) : กลุ่มนี้หากเราหยุดทำงาน ก็ยังมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเราใช้สินทรัพย์ของเราเป็นแหล่งเงินทุนในการสร้างรายได้
ดังนั้น การสร้างสมดุลของที่มาทางการเงินทั้ง 4 ด้าน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราไม่ควรมีรายได้จากทางเดียว แต่หากถามว่าจำเป็นไหมที่จะต้องมีทั้งหมดถึง 4 ด้าน ขอตอบว่าไม่จำเป็นเลย หากเรามีความเชี่ยวชาญในด้านใดด้านหนึ่ง ขอให้ทำให้ดีที่สุดก่อน และค่อยต่อยอดไปสร้างรายได้จากช่องทางอื่นเพิ่มเติม
ยกตัวอย่างเช่น หากเราเป็นคนกลุ่ม E = Employed ถ้าเรามีความสุขกับการเป็นพนักงานประจำ เราก็อาจไม่จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายไปเป็น B = Business Owner หรือ I = Investor เพียงแต่เราใช้ความรู้จากการทำงาน หรือสินทรัพย์ที่เราหามา ไปสร้างรายได้อีกช่องทางหนึ่ง เช่น อาจจะซื้อกองทุนของธนาคารต่าง ๆ, ซื้อคอนโดปล่อยเช่า ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อสร้างกระแสแหล่งที่มาของรายได้จากหลากหลายทาง เพื่อสร้างความมั่งคั่ง และเป็นหลักประกันทางการเงินให้กับตัวเองนั่นเอง