สำหรับตลาดการทำธุรกิจของประเทศไทยในปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าช่องทางออนไลน์ ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการเชื่อมต่อระหว่างร้านค้า SME ของเราและผู้บริโภค เพราะการมีช่องทางหลักช่องทางเดียวในการติดต่อสื่อสาร หรือการสร้างโอกาสการขายไม่เพียงพออีกต่อไปแล้วในปัจจุบัน ซึ่งธุรกิจ SME เอง จึงจะต้องสร้างช่องทางการเข้าถึงสินค้าและบริการให้กับลูกค้าที่หลากหลายอย่างครอบคลุม หรือที่เราเรียกกันว่า “Omni Channel” (หมายถึง การผสานช่องทางการติดต่อสื่อสารหลายช่องทางกับลูกค้า) ทำให้ลูกค้าไม่ว่าจะเข้ามาเลือกซื้อสินค้าและบริการ หรือสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ก็สามารถทำได้อย่างสะดวก ง่ายดาย
ช่องทางออนไลน์ ก็ถือเป็นช่องทางที่เป็นที่นิยมตามรูปแบบการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบัน ที่ใช้โซเชียลและสื่อออนไลน์ต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา ทำให้ช่องทางออนไลน์สามารถสร้างโอกาสการขายได้มากกว่า ดังนั้นวันนี้ ไหนดี จึงขอแนะนำ 5 เทรนด์เด่นของกระแส Digital Marketing SME ที่ต้องรู้ จะมีอะไรบ้าง เราไปดูรายละเอียดกันได้เลย
เจาะ 5 เทรนด์เด่น Digital Marketing สำหรับ SME 2023
1. AI ผู้ช่วยเบื้องหลังความสำเร็จของผู้ประกอบการ
- การที่ธุรกิจของเรามีเครื่องมือที่ช่วยเก็บข้อมูลความต้องการของลูกค้า ว่าลูกค้าชอบเข้ามาดูสินค้าแบบไหน มีความต้องการอะไร หรือเคยซื้อสินค้าประเภทไหนไปแล้วบ้าง สินค้าไหนที่ถูกซื้อเยอะ ย่อมทำให้ธุรกิจ SME ของเราได้เปรียบคนอื่นเป็นอย่างมาก เพราะเราสามารถใช้ AI คำนวณข้อมูล เพื่อนำมาทำแคมเปญการตลาดสำหรับลูกค้า ที่สามารถเฉพาะเจาะจง และเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการได้มากขึ้น
2. Personal Marketing
- หรือการตลาดเฉพาะเจาะจงรายลูกค้า ในเมื่อความต้องการของคนเราไม่เหมือนกัน และทางธุรกิจ SME ของเราก็มีข้อมูลของลูกค้าจากการรวบรวมของ AI ตามข้อที่ 1 แล้ว การวางแผนการตลาดสำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสินค้าและบริการของเรา ที่เฉพาะเจาะจงย่อมเพิ่มโอกาสการขาย และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า รวมถึงยังสร้างโอกาสการกลับมาซื้อซ้ำอีกครั้งนั่นเอง
3. Short Video Marketing
- ในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลย ว่ามีแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สร้างความบันเทิงหลายอย่างที่เป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน อาทิ TikTok, Facebook Reels, Instagram Reels เป็นต้น ซึ่งผู้คนในปัจจุบันมักใช้เวลาอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์เหล่านี้ต่อวันอยู่หลายชั่วโมง
- ดังนั้น การทำการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจของเราผ่านแพลตฟอร์มวีโอสั้นเหล่านี้ ย่อมสร้างโอกาสในการรับรู้ และโอกาสการขายให้ธุรกิจของเราได้มากกว่า เหมือนกับที่เค้าพูดกันว่า “เห็นบ่อย ๆ แปลว่าดี เห็นบ่อย ๆ ลองซื้อสักที” นั่นเอง
4. การทำการตลาดผ่านบุคคลที่ 3
- ปัจจุบันนับว่าอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer : กลุ่มบุคคลบนโลกออนไลน์ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ) อาจไม่ใช่คนดังหรือดารา แต่เป็นคนที่ใช้แพลตฟอร์มบนโลกออนไลน์ต่าง ๆ เช่น TikTok ที่มีคนติดตามเยอะ ฯลฯ โดยหากเราส่งสินค้าของเราให้อินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้ ให้ทำการรีวิวสินค้าของเรา จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และสร้างโอกาสการขายได้มากขึ้นกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน
5. การมีแพลตฟอร์มตัวจบในการซื้อสินค้าของธุรกิจเอง
- สำหรับช่องทางออนไลน์ที่เราสร้างมา ซึ่งอาจจะมีหลากหลายช่องทาง แต่ที่สุดแล้วเราจะต้องนำลูกค้าเข้ามาสู่แพลตฟอร์มหลักที่จะเป็นตัวปิดการขายของเรา หรือที่เรียกกันว่า “Landing Platform” ซึ่งหลาย ๆ ธุรกิจเองมักทำเป็นเว็บไซต์ของตนเองมากกว่า เพราะสามารถออกแบบ และสร้างช่องทางการชำระเงินต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย ไม่เหมือนการไปเช่าแพลตฟอร์มของคนอื่น ที่ทั้งเปลี่ยนแปลงบ่อย หรือต้องเสียค่าดำเนินการ เช่น Facebook, Lazada, Shopee เป็นต้น