มัดรวม 5 รุ่นรถยนต์น่าซื้อ รุ่นไหนครบครัน คุ้มค่า 2023



         สิ้นปีผ่านไปแล้ว หลาย ๆ คนคงอมยิ้มแก้มปริเมื่อดอกผลจากการทำงานหนักมาทั้งปีได้ตอบแทนมาในรูปของเงินโบนัสก้อนโต และใครหลายคนคงวางแผนที่จะนำเงินก้อนนี้ไปดาวน์รถใหม่สักคันเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับตนเองและครอบครัว แต่ในปัจจุบันก็มียี่ห้อ รุ่นรถ จากหลากหลายแบรนด์ให้เลือกมากมาย แต่รุ่นไหนล่ะที่น่าสนใจ คุ้มค่า คุ้มราคาเงินที่เราต้องจ่ายไป วันนี้ ไหนดี จึงขอมาแนะนำทุกคนกับการรวม 5 รุ่นรถยนต์น่าซื้อประจำปี 2023 จะมียี่ห้อไหน รุ่นไหนบ้าง ไปดูรายละเอียดกันได้เลย

5 รุ่นรถยนต์น่าซื้อ รับโบนัสออก 2023

1. Toyota Veloz

          สำหรับคันแรก ขอเอาใจสายครอบครัวกับรถทรง MPV (Multi Purpose Vehicle : รถยนต์ที่เน้นเรื่องการบรรทุกผู้โดยสาร) โดยเป็นรถยนต์ขนาด 7 ที่นั่ง ที่มีราคาไม่แพง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครับ ซึ่งมีความน่าสนใจ ดังนี้

  • บรรทุกผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 7 คน สามารถไปไหนมาไหน ได้ทั้งครอบครัว
  • ราคาไม่แพง ซึ่งมีช่วงราคาอยู่ที่ 795,000 – 875,000 บาท
  • อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน มีแอร์สำหรับผู้โดยสารที่นั่งข้างหลัง และจอทีวีกลางเพดานรถ
  • แบรนด์โตโยต้าศูนย์บริการดี ครอบคลุมหลายจังหวัด อะไหล่ครบครันในการซ่อมบำรุง
  • มิติตัวรถมีขนาดใหญ่กว่าคู่แข่งในรุ่นเดียวกันหลายค่าย กว้างขวาง สะดวกสบาย

รุ่นรถ : Toyota Veloz

ราคา : 795,000 – 875,000 บาท

รายละเอียดเพิ่มเติม : Toyota Veloz

 

2. Toyota Yaris Ativ

         สำหรับใครที่มองหารถยนต์คันแรกที่ราคาไม่แพง แต่ต้องการอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ตัวรถดูหรูหรา ไหนดี ขอแนะนำ Toyota Yaris Ativ คันนี้เลย เพราะจัดเต็มทั้งตัวถังขนาดใหญ่ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และความปลอดภัยครบ ตลอดจนวัสดุภายในรถก็หรูหราแบบรถยุโรปเลยทีเดียว โดย Toyota Yaris Ativ มีความน่าสนใจ ดังนี้

  • อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันเหนือคู่แข่งในรุ่นเดียวกัน เช่น เบรกมือไฟฟ้า, ระบบช่วยเตือนรถมุมอับสายตา, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ฯลฯ
  • ระบบความปลอดภัยจัดเต็มด้วยถุงลมนิรภัยรอบคันถึง 7 ลูก
  • วัสดุภายในหรูหราบุด้วยหนังเทียม
  • ราคาไม่แพง โดย Yaris Ativ มีราคาเพียง 539,000 – 689,000

รุ่นรถ : Toyota Yaris Ativ

ราคา : 539,000 – 689,000 บาท

รายละเอียดเพิ่มเติม : Toyota Yaris Ativ

 

3. Tesla Model 3

          สำหรับใครที่ต้องการรถไฟฟ้าสักคัน นี่เป็นโอกาสที่ดีที่ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก อย่าง Tesla ได้เข้ามาจำหน่ายรถยนต์อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย โดย Tesla Model 3 ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเริ่มต้นของ Tesla ที่มีสมรรถนะและคุณสมบัติครบครันต่อการใช้งาน ซึ่ง Tesla Model 3 มีความน่าสนใจ ดังนี้

  • ราคากับแบรนด์และสมรรถนะไม่แพงมาก โดยมีราคาอยู่ที่ 1,759,000 – 2,309,000 บาท
  • ระยะทางต่อการชาร์จวิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 689 กิโลเมตร ในรุ่น Long Range
  • มีเทคโนโลยีการขับเคลื่อน และสมรรถนะระดับสูงเทียบเท่า Supercar โดยอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพียง 3 วินาที ในรุ่น Performance
  • ได้รถยนต์ไฟฟ้า 100% ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานถูกลงกว่ารถน้ำมันเยอะ

รุ่นรถ : Tesla Model 3

ราคา : 1,759,000 – 2,309,000 บาท

รายละเอียดเพิ่มเติม :  Tesla Model 3

 

4. Honda City Hatchback 

          สำหรับใครที่ต้องการรถยนต์คันแรกที่สามารถขนของได้เยอะ อีกทั้งยังสามารถให้ผู้โดยสารนั่งสบายได้ แน่นอนว่าทรง Hatchback (รถ 5 ประตูที่สามารถเปิดฝาหลังด้านท้ายได้) อาจตอบโจทย์กว่ารถเก๋งแบบธรรมดา เนื่องจากสามารถพับเบาะเพื่อขนของได้มากกว่ารถเก๋ง 4 ประตูทั่วไป ซึ่ง Honda City Hatch back ก็เป็นรถที่เหมาะกับเป็นรถอเนกประสงค์ ไม่ว่าจะขับไปทำงาน หรือเดินทางท่องเที่ยว เพราะพละกำลัง 1.0 turbo แรงเพียงพอจะไปได้ทุกที่ทั่วไทย และออปชั่นแบบจัดเต็ม ใครที่อยากได้รถคันแรกหรือคันเดียวจบของบ้าน Honda City Hatch back จึงเหมาะสมเป็นอย่างมาก โดย  Honda City Hatch back มีจุดเด่น ดังนี้

  • เครื่องยนต์ 1000 CC  Turbo ให้พลังแรง พร้อมความประหยัด
  • เบาะหลังแบบอเนกประสงค์สามารถพับเพิ่มพื้นที่จุสัมภาระทั้งทรงยาว หรือทรงสูง
  • รูปลักษณ์สปอร์ต พื้นที่ภายในกว้างขวาง ผู้โดยสารนั่งสบาย
  • แบรนด์ฮอนด้าศูนย์บริการดี ครอบคลุมหลายจังหวัด อะไหล่ครบครันในการซ่อมบำรุง

รุ่นรถ : Honda City Hatch back

ราคา : 599,000 – 749,000 บาท

รายละเอียดเพิ่มเติม :Honda City Hatchback


5. Nissan Kick E-Power

          สำหรับใครที่อยากได้รถไฟฟ้าสักคัน แต่กังวลเรื่องการชาร์จไฟ Nissan Kick คือคำตอบของทางสายกลางของรถไฟฟ้า เพราะตัวรถขับเคลื่อนด้วย E-Power (ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า แต่ใช้เครื่องยนต์เป็นตัวปั่นไฟ) ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จไฟ เพียงแค่เติมน้ำมันไว้สำหรับปั่นไฟรถเท่านั้น แถมราคาค่าตัวเรียกได้ว่าไม่แพงหากเทียบกับรถไฟฟ้าทั่วไปที่ราคาเฉลี่ยแตะหลักล้านกันหมด อยากได้รถไฟฟ้าวิ่งได้ทั่วไทยไม่ต้องกังวลจุดชาร์จ ลองมาดูจุดเด่นของ Nissan Kick กัน

  • รับประกันระบบ e-power 5 ปี และประกันแบตเตอรี่ 10 ปี
  • อัตราเร่งดีกว่ารถน้ำมันทั่วไป อัตราเร่งโดยอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพียง 8 วินาที
  • ราคาถูกว่าราคาเฉลี่ยรถไฟฟ้าทั่วไป โดยมีราคาเริ่มต้นเพียง 759,000 บาท
  • ระบบอำนวยความสะดวก และระบบความปลอดภัยครบครัน โดยมีถุงลมนิรภัยถึง 6 ใบ
  • ตัวรถมิติไม่ใหญ่มากขับในเมืองสะดวก ออกต่างจังหวัดสบาย

รุ่นรถ : Nissan Kick E-Power

ราคา : 759,000 – 949,000 บาท

รายละเอียดเพิ่มเติม :  Nissan Kick E-Power

 

 

อ้างอิงคลิปวิดีโอจาก 1 2 3 4 5

Natthasit S.

ผู้สนใจและศึกษาในด้านการเงินและการลงทุน, การพัฒนาธุรกิจ ทรัพยากรมนุษย์ และการบริหารองค์กร โดยมีประสบการณ์เป็นที่ปรึกษา Dealer Business Partner Advisor ให้กับกลุ่ม SCG และประสบการณ์ทำงานในบริษัทสินเชื่อเช่าซื้อที่โตโยต้า ลีสซิ่ง Toyota Leasing (Thailand)

ไหนดี
Logo