มาตรการช่วยเหลือประชาชนรวมหนี้ตามนโยบายรัฐ 2565
จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ตกต่ำมาอย่างยาวนาน เนื่องจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 จนถึงปี 2565 นี้ ทำให้ประชาชนเกิดปัญหาเรื่องรายได้ เนื่องมาจากกิจการหลายประเภทไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ตามปกติ หลายคนถูกเลิกจ้าง ตกงาน อีกทั้งเกิดปัญหาหนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้นสูงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหนี้สินที่ไม่มีหลักประกัน เช่น หนี้บัตรเครดิต, หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล เป็นต้น
จากปัญหาดังกล่าวทางธนาคารแห่งประเทศไทย จึงได้ออกนโยบายมาตรการช่วยเหลือประชาชน เป็นโครงการรวมหนี้ตามนโยบายรัฐ 2565 เพื่อช่วยเหลือประชาชนในการลดภาระรายจ่ายด้านหนี้สิน ทำให้ประชาชนมีสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มขึ้นและสามารถมีเงินสดคงเหลือไปชำระหนี้สินได้ สำหรับมาตรการรวมหนี้ตามนโยบายรัฐ 2565 จะมีรายละเอียดอย่างไรนั้น ไปติดตามกันได้เลย
โครงการรวมหนี้ตามนโยบายรัฐ 2565…มีบ้านก็รวมหนี้ได้
โครงการรวมหนี้ตามนโยบายรัฐ 2565 เป็นมาตรการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เปิดให้ประชาชนสามารถรวมหนี้บ้านกับหนี้สินอื่น ๆ ที่ไม่มีหลักประกัน เช่น บัตรเครดิต, บัตรกดเงินสด, สินเชื่อรถยนต์ โดยนำมารวมกับหนี้สินที่มีหลักประกันซึ่งก็คือ “สินเชื่อบ้าน” ซึ่งสินเชื่อบ้านนั้นมีจุดเด่น คือ ดอกเบี้ยถูกผ่อนชำระได้ยาวนาน เมื่อนำมารวมกับหนี้สินที่ไม่มีหลักประกัน ที่ผ่อนชำระรายเดือนสูง ดอกเบี้ยแพงได้ ก็ทำให้ภาระตรงนี้ลดลงไป
พูดง่าย ๆ คือ รัฐเปิดโอกาสให้ประชาชนทำการรีไฟแนนซ์บ้าน โดยเอาหนี้สินอื่น ๆ มารวมเป็นก้อนเดียวกับหนี้บ้านนั่นเอง โดยรายละเอียดของโครงการรวมหนี้ 2565 ของธนาคารแห่งประเทศไทยประกอบไปด้วย
1. ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดรับสมัครธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเข้าร่วมโครงการรวมหนี้ โดยสามารถตรวจสอบรายละเอียดธนาคารที่ได้เข้าร่วมโครงการได้ตามภาพด้านบน
2. ลูกหนี้ที่สมัครเข้าร่วมโครงการ สามารถนำสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นที่อยู่ภายใต้ธนาคารเดียวกัน เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต, สินเชื่อส่วนบุคคล, สินเชื่อรถยนต์ มารวมกับสินเชื่อบ้านได้ ยกตัวอย่างเช่น
หนี้ก้อนที่ 1 ผ่อนบ้านกับธนาคาร A
หนี้ก้อนที่ 2 บัตรเครดิตธนาคาร A
หนี้ก้อนที่ 3 ผ่อนรถธนาคาร A
เราสามารถเข้าร่วมมาตรการรวมหนี้ โดยการรีไฟแนนซ์นำยอดหนี้ของบัตรเครดิตธนาคาร A และหนี้ผ่อนรถจากธนาคาร A มารีไฟแนนซ์รวมหนี้กับสินเชื่อบ้านได้
3. มาตรการรวมหนี้ตามนโยบายรัฐ 2565 ยังสามารถโอนย้ายหนี้ข้ามธนาคาร เพื่อทำการรีไฟแนนซ์รวมหนี้ได้อีกด้วย โดยไม่ว่าจะเป็นการรวมหนี้บ้านธนาคารหนึ่ง กับหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลของอีกธนาคารเข้าด้วยกัน หรือเราจะโอนหนี้บ้านไปรวมกับหนี้บัตรเครดิตก็ได้ตามที่เราต้องการได้เลย ยกตัวอย่างเช่น
หนี้ก้อนที่ 1 ผ่อนบ้านธนาคาร A
หนี้ก้อนที่ 2 บัตรเครดิตธนาคาร B
กรณีแบบนี้เราเลือกได้เลยจะเอาหนี้ธนาคาร B ไปรวมไว้ที่เดียวที่ธนาคาร A หรือเอาหนี้ธนาคาร A ไปรวมกับหนี้ของธนาคาร B ก็ได้ หากเราพิจารณาแล้วที่ไหนดอกเบี้ยถูก และเรามีศักยภาพในการผ่อนชำระหากทำการรวมหนี้แล้ว
4. โอนหนี้ข้ามระหว่างธนาคารสามที่ก็ได้ โดยในกรณีนี้เป็นการรวมหนี้ในกรณีที่เรามีสินเชื่อที่มีหลักประกัน ก็คือ สินเชื่อบ้านกับธนาคารหนึ่ง กับสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันกับต่างธนาคาร เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต, สินเชื่อรถยนต์ เป็นต้น เราสามารถนำหนี้ทั้ง 3 ก้อนนี้ มารวมกันเป็นก้อนเดียวได้ ยกตัวอย่างเช่น
หนี้ก้อนที่ 1 ผ่อนบ้านธนาคาร A
หนี้ก้อนที่ 2 บัตรเครดิตธนาคาร B
หนี้ก้อนที่ 3 สินเชื่อรถธนาคาร C
จากกรณีดังกล่าว เราสามารถรวมหนี้ทั้ง 3 ธนาคารเข้าด้วยกัน โดยเลือกธนาคารที่มีดอกเบี้ยต่ำที่สุด ผ่อนได้ยาวนานสุด ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นการรวมหนี้เข้ากับสินเชื่อบ้าน เนื่องจากผ่อนได้นานและมีดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเงินกู้ประเภทอื่น โดยทุกท่านสามารถทำความเข้าใจรายละเอียดได้ตามรูปประกอบ ดังนี้
ประโยชน์ของการเข้าร่วมโครงการรวมหนี้ตามนโยบายรัฐ 2565
สำหรับรายละเอียดมาตรการโครงการรวมหนี้ตามนโยบายรัฐ 2565 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ โดยมีจุดประสงค์เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและหนี้สินของประชาชน แต่ถ้าหากใครยังลังเลอยู่ว่ามาตรการรวมหนี้ตามนโยบายรัฐ 2565 มีประโยชน์อย่างไร เราไปดูข้อดีของการเข้าร่วมโครงการรวมหนี้ดังกล่าวกัน
- ทำให้ในภาพรวมของภาระหนี้สินของเรามีอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง เพราะหนี้สินเชื่อรายย่อยที่ไม่มีหลักประกัน เช่น หนี้บัตรเครดิต, หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล เป็นต้น จะถูกนำไปรวมกับสินเชื่อบ้านที่มีดอกเบี้ยที่ถูกที่สุด
- การรวมหนี้ ทำให้เราเหลือหนี้ก้อนเดียวและอัตราดอกเบี้ยเดียว ทำให้ง่ายต่อการชำระ และทำให้สามารถปิดหนี้ได้เร็วขึ้น
- การรวมหนี้ ทำให้ลดภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระต่อเดือน ทำให้ลูกหนี้มีเงินเหลือไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือเก็บออมเป็นเงินก้อน เพื่อปิดหนี้สินทั้งหมดได้เร็วขึ้น
- การรวมหนี้ ทำให้ลูกหนี้ที่เริ่มจะผ่อนชำระไม่ไหว ได้มีทางเลือกในการปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้ค่างวดในการผ่อนชำระเพียงพอต่อรายได้ ไม่ก่อให้เกิดหนี้เสียจนติดประวัติบูโร
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับรายละเอียดและประโยชน์ของมาตรการรวมหนี้ตามนโยบายรัฐ 2565 ที่ช่วยให้คนไทยลดภาระหนี้ มีเงินเหลือเพียงพอต่อการใช้จ่าย โดยมาตรการนี้สามารถสมัครเข้าร่วมได้จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2565 โดยหากสนใจสามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3tS3itj
